+ข่าวประชาสัมพันธ์

 

แอพสั่งงานในรถยนต์

 

    ปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา กูเกิล ได้เปิดเผยรายละเอียด 3 แพลตฟอร์มให้นักพัฒนาจะสามารถเริ่มพัฒนาแอพพลิเคชั่นแอนดรอยด์ในเร็วๆนี้ ที่น่าสนใจก็คือ แอน ดรอยด์ ออโต้ : Android Auto ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่มาใช้ในรถยนต์ ที่กูเกิลระบุว่า ได้จับมือกับผู้ผลิตรถยนต์กว่า 40 ยี่ห้อ เป็นพันธมิตรว่ารถยนต์ที่จะผลิตในอนาคตจะสามารถใช้แอนดรอยด์ ออโต้ มาใช้ในรถยนต์ได้ 

    การนำมาใช้ในรถยนต์ ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยในระบบการขับเคลื่อนรถยนต์ เหมือนกับเทคโนโลยีระบบขับรถยนต์อัตโนมัติที่กูเกิลกำลังพัฒนาอยู่ แต่เป็นการช่วยอำนวยความสะดวกในการขับขี่มากกว่า แค่เพียงนำสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์เสียบสายเข้ากับระบบ เพียงแค่นี้ก็ใช้งานด้วยการสั่งงานด้วยเสียงได้ กับระบบนำทางที่แสดงจอภาพในรถยนต์ สั่งงานกับระบบเครื่องเสียง ส่งข้อความและโทรศัพท์ ยังไม่นับรวมกับแอพใหม่ๆที่จะถูกพัฒนามาใช้งานอีกหลากหลาย เป็นต้น 

    โดยใช้ “กูเกิล นาว” จะทำหน้าที่แปลจากการสั่งงานด้วยเสียงเป็นข้อความ ทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์ไม่ต้องพะวงกับการกดปุ่มโน่นกดปุ่มนี่ เพียงแค่มือจับพวงมาลัย ตั้งใจขับขี่รถยนต์ให้ถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพเท่านั้น 

    สำหรับ “แอปเปิล” ซึ่งเป็นคู่แข่งคนสำคัญ ได้เปิดตัวไปหลายเดือนก่อนหน้าแล้วภายใต้ชื่อ “คาร์เพลย์ : CarPlay” ซึ่งล่าสุดมีข่าวว่า ผู้ผลิตรถยนต์เกือบ 30 ราย ได้ตกลงเป็นพันธมิตร เพื่อพัฒนาให้รถยนต์ ของตนเองทำงานร่วมกับ “คาร์เพลย์” ได้ 

    แน่นอนว่าทั้งสองค่ายจะมองว่าการทำงานของระบบตนจะแตกต่างกัน แต่ในแง่ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนและผู้ขับขี่รถยนต์จะใช้งานในรูปแบบคล้ายกัน เริ่มต้นจากการสั่งงานด้วยเสียง โดยระบบปฏิบัติการ “ไอโอเอส” หลังจากเสียบสายไอโฟนเข้ากับระบบ จะเริ่มทำงานสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Siri เพื่อใช้กับระบบนำทาง ฟังเพลง รับส่งข้อความ สั่งรับและวางโทรศัพท์ เป็นต้น 

    ซึ่งค่าย “ออดี้” ได้ประกาศเป็นค่ายแรกที่รถยนต์รุ่นใหม่ที่จะผลิตออกสู่ตลาดในปีหน้าจะรองรับคาร์เพลย์ของแอปเปิล รวมทั้งบีเอ็มดับเบิลยูที่กำลังทำงานร่วมกันกับรถยนต์รุ่นใหม่และค่ายเมอร์เซเดส เบนซ์ ที่ระบุว่า กำลังพัฒนาให้ใช้ได้ทั้งรุ่นใหม่และรุ่นเก่า โดยคาร์เพลย์จะปรากฏบนหน้าจอแสดงผลของรถยนต์ที่ติดตั้งมาจากโรงงาน รองรับการสั่งงานด้วยเสียงของผู้ขับขี่ 

    อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าไปดูรายชื่อของค่ายรถยนต์ที่ถูกระบุมานั้น ส่วนใหญ่เป็นพันธมิตรกับทั้งสองค่ายนั่นเอง แสดงว่าผู้ขับขี่เจ้าของรถยนต์จะต้องเลือกได้ว่าจะเลือกใช้แพลตฟอร์มไหนก็ได้ตามความชอบนั่นเอง!



    ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์  ไทยรัฐ

    post : วันจันทร์  ที่ 7  กรกฏาคม  2557  เวลา  9:42:09 น.  by  www.CreditOnHand.com 
 

วันที่ปรับปรุงข่าว : 2557-07-07 14:08:55